ส่องเคล็ดลับประหยัดไฟตู้เย็น

วิธีการใช้งานตู้เย็นให้ประหยัดไฟ ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ ใครๆก็ทำได้


  ตู้เย็นเป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนที่ทำงานหนักที่สุดที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด ตู้เย็นมาพร้อมคุณสมบัติเรื่องของการเก็บรักษาความเย็น ทั้งยังเป็นตัวช่วยถนอมอาหารให้อยู่ได้นาน การใช้งานตู้เย็นอย่างเหมาะสมจะช่วยทำให้ตู้เย็นจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยาวนาน และช่วยประหยัดค่าไฟได้อีกด้วย


 1.   ไม่ควรใช้งานตู้เย็นทันที เมื่อขนย้ายเสร็จ

  ไม่ว่าจะเพิ่งถอยตู้เย็นมาใหม่ หรือเปลี่ยนที่ตั้งตู้เย็น ก็ไม่ควรเสียบปลั๊กเปิดตู้เย็นใช้งานทันทีหลังการขนย้าย เพราะอาจทำให้น้ำยาคอมเพรสเซอร์รั่วไหลออกมาทำลายระบบจนเกิดความเสียหายได้ ฉะนั้น ควรปล่อยไว้ประมาณ 4-6 ชั่วโมง หลังจากการเคลื่อนย้าย แล้วจึงค่อยเสียบปลั๊กใช้งานตู้เย็น


 2.   ปรับอุณภูมิให้เหมาะสม

  เพื่อการทำความเย็นที่มีประสิทธิภาพ ให้ตั้งตัวควบคุมอุณหภูมิของตู้เย็นไว้ที่ตำแหน่ง ‘MED’ และให้คงตำแหน่ง ‘MED’ นี้ไว้เป็นเวลา 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นให้ปรับอุณภูมิตู้เย็นตามความเหมาะสม อุณหภูมิช่องแช่เย็นที่เหมาะสม ควรมีอุณหภูมิระหว่าง 3°C ถึง 5°C อุณหภูมิที่สูงหรือต่ำกว่านี้อาจทำให้อาหารสูญเสียความสดและคุณค่าทางอาหาร ส่วนอุณหภูมิช่องแช่แข็งที่เหมาะสม ควรจะเป็น 0°F (-18°C)


 3.   ห้ามนำของร้อนจัดเข้าตู้เย็น

  เนื่องจากจะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักขึ้นมาก เปลืองไฟ นอกจากนี้อาหารอื่นๆ ที่แช่อยู่ในตู้เย็น อาจพลอยโดนผลกระทบของความร้อนไปด้วย ดังนั้น ก่อนนำอาหารหรือเครื่องดื่มที่ร้อนจัดเข้าตู้เย็น ควรวางทิ้งไว้ให้เย็นก่อนแล้วค่อยนำเข้าตู้เย็น


 4.   เลือกตำแหน่งที่ตั้งตู้เย็น และช่องระบายอากาศที่เหมาะสมอย่างเหมาะสม

  การถ่ายเทความร้อนจากตู้เย็นถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ หากตั้งตู้เย็นชิดผนังมากเกินไป การระบายความร้อนไม่ดี ตู้เย็นจะพังง่าย จึงควรวางตู้เย็นให้ห่างจากแผงหนังของตู้เย็นอย่างน้อย 1 ฟุต หรือ 1 ไม้บรรทัด เพื่อช่วยให้อากาศสามารถถ่ายเทได้สะดวก ข้อควรหลีกเลี่ยงคือ การวางตู้เย็นในบริเวณที่ แสงแดดส่องถึงโดยตรง หรือบริเวณที่มีความชื้น เนื่องจากอาจทำให้เกิดสนิมและอาจส่งผลให้เกิดกระแสไฟฟ้ารั่วไหลได้


 5.   เลือกตำแหน่งแช่ของให้เหมาะสม

  อาหารแต่ละอย่างนั้นต้องการความเย็นที่แตกต่างกัน อย่างเช่นช่องแช่แข็งก็มีไว้สำหรับแช่ของที่จำเป็นต้องเก็บในที่เย็นจัด หรือสำหรับทำน้ำแข็ง ช่องบริเวณด้านล่างแผงความเย็น ก็มีไว้สำหรับเก็บเนื้อสัตว์ ส่วนผักหรือผลไม้ก็ควรเก็บไว้ที่ช่องล่างสุด หากเลือกแช่ของตามใจชอบโดยไม่สนใจตำแหน่งที่ควร อาจทำให้ตู้เย็นทำงานหนักขึ้น


 6.   ไม่ควรเปิดตู้เย็นบ่อย หรือเปิดทิ้งไว้นาน ๆ

  ทุกครั้งที่มีการเปิดตู้เย็น อุณหภูมิภายนอกซึ่งมีความร้อนจะเข้าไปแทรกแซงอุณภูมิภายในตู้เย็นที่เย็นกว่าให้ปรวนแปร จนคอมเพรสเซอร์ต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อรักษาอุณหภูมิตู้เย็นให้กลับมาเย็นคงที่เหมือนเดิม จึงเป็นการทำให้เปลืองไฟเพิ่มมากขึ้น


 7.   ควรทำความสะอาดตู้เย็น และตรวจสอบสภาพขอบยางเป็นประจำ

  เรามักจะละเลยการดูแลขอบยางตรงประตูตู้เย็นกัน จึงอาจเกิดการเสื่อมสภาพจนต้องเปลี่ยนใหม่ เราจึงควรหมั่นทำความสะอาดสักปีละ 2 ครั้ง โดยใช้แปรงสีฟันขัดด้วยน้ำผสมเบคกิ้งโซดา จากนั้นให้ลองตรวจสอบดูว่า ประตูตู้เย็นสามารถปิดได้แน่นสนิทหรือไม่ โดยใช้กระดาษแผ่นเล็ก ๆ สอดไว้ตรงประตู แล้วปิดประตูตู้เย็นให้สนิท ถ้ากระดาษร่วงหล่นลงมาได้ง่าย ๆ แสดงว่าประตูเริ่มหลวมและปิดไม่สนิท ซึ่งส่งผลให้ตู้เย็นต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อรักษาอุณหภูมิให้เย็น เมื่อเป็นเช่นนี้ แนะนำว่าควรเปลี่ยนยางประตูตู้เย็นใหม่ เผื่อไม่ให้เปลืองไฟเพิ่มมากขึ้น


  หากตู้เย็นไม่เย็นเหมือนเคย หรือมีอาการผิดปกติใดๆ สนใจซ่อมตู้เย็น ติดต่อ 095-5255966  ฝ่ายขาย หรือ 095-7465196  ฝ่ายบริการ (จันทบุรี และใกล้เคียง ค่าเดินทางฟรี หากระยะทางไม่เกิน 40 กม.